Keyword
Company Update

HMPRO – Valuation น่าสนใจหนุนโดย sentiment ที่ดีขึ้น – OUTPERFORM (ราคาเป้าหมาย 12 บาท)

By InnovestX|23 Aug 24 10:00 AM
Slide24a25d462a-1e41-41af-b63a-3c5881e05122-20240829184654
สรุปสาระสำคัญ
ทำไมประเทศเกาหลีใต้ถึงน่าสนใจลงทุน? เศรษฐกิจของเกาหลีใต้สามารถเติบโตได้ดี คาด GDP ปี 2024 จะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากการสนันสนุนของภาคเทคโนโลยี และเซมิคอนดักเตอร์ 

Promotion พิเศษ เมื่อลงทุน DAOL-KOREAEQ ทุกๆ 50,000 บาท รับหน่วยลงทุน DAOL-MONEY-R มูลค่า 100 บาท (เฉพาะ 4 - 28 มิถุนายน 2567 เท่านั้น)

ปัจจุบันหุ้น HMPRO เทรดที่ PE ปี 2567 ระดับต่ำสุดในกลุ่มพาณิชย์ที่ 17 เท่า (เทียบกับ PE ปี 2567 เฉลี่ยของกลุ่มพาณิชย์ที่ 23 เท่า) ต่ำกว่าระดับ -2SD ของ PE เฉลี่ย 10 ปีที่ 22 เท่า สะท้อนถึงความคาดหวังระดับต่ำของตลาดต่อ SSS growth ของบริษัท (-7.3% YoY ใน 2Q67 และ -6.5% YoY ใน 3Q67TD) ด้วยบรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยที่ดีขึ้นจากการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ แนวโน้มที่จะมีการอนุมัติงบประมาณปี 2568 ได้ตามกำหนด และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่ที่กำลังจะออกมา ทำให้เราคาดว่า SSS ผ่านช่วงเลวร้ายที่สุดไปแล้ว กำไร 3Q67 มีแนวโน้มที่จะเป็นจุดต่ำสุดของปีนี้ โดยกำไรจะอยู่ในระดับทรงตัว YoY เนื่องจาก SSS ที่หดตัวลงใน 3Q67TD จะถูกชดเชยโดยการขยายสาขาและมาร์จิ้นที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น จากนั้นกำไรจะปรับตัวเพิ่มขึ้นทำจุดสูงสุดของปีนี้ใน 4Q67 (เพิ่มขึ้น YoY และ QoQ) เรายังคงคำแนะนำ OUTPERFORM สำหรับ HMPRO โดยให้ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2567 อ้างอิงวิธี DCF (WACC ที่ 7.1% และอัตราการเติบโตระยะยาวที่ 2.5%) ที่ 12 บาท

SSS ที่หดตัวลงจะถูกชดเชยโดยการขยายสาขาใน 2H67 SSS ของร้านโฮมโปรหดตัวลง 7.3% YoY ใน 2Q67 และ 6.5% YoY ใน 3Q67TD จาก: 1) บรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยที่ซบเซาและการเบิกจ่ายงบประมาณลงทุนภาครัฐที่ล่าช้า; 2) ผลกระทบจากการซ่อมถนน (สาขาราชพฤกษ์) และการเปิดสาขาในพื้นที่ใกล้เคียงกันก่อนที่จะมีการย้ายที่ตั้งสาขา (สาขาบางบัวทองและรัตนาธิเบศร์) ซึ่งทำให้ SSS ลดลงราว 1% YoY สำหรับช่วงที่เหลือของปี 2567 เราคาดว่า SSS จะปรับตัวดีขึ้น โดยจะลดลง YoY ในอัตราที่ชะลอตัวลง ด้วยฐาน SSS ที่เริ่มเป็นฐานปกติของปีก่อน จากผลกระทบจากการซ่อมถนน (สาขาราชพฤกษ์) ณ สิ้น 4Q67 และการปิดสาขารัตนาธิเบศร์เนื่องจากหมดสัญญาเช่า (ย้ายมาขายที่สาขาบางบัวทอง) ณ สิ้น 3Q67 นอกจากนี้การจัดตั้งรัฐบาลใหม่จะช่วยกระตุ้นให้ SSS ปรับตัวดีขึ้นจากบรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยที่ดีขึ้น รวมถึงแนวโน้มที่จะมีการอนุมัติงบประมาณปี 2568 (ต.ค. 2567-ก.ย. 2567) ได้ตามกำหนด และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่ที่กำลังจะออกมา รายงานข่าวระบุว่ารัฐบาลใหม่กำลังพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (1.45 แสนลบ.) ซึ่งเป็นมาตรการเร่งด่วนที่เป็นส่วนหนึ่งของโครงการดิจิทัลวอลเล็ต (4.5 แสนลบ.) โดย HMPRO จะได้รับประโยชน์ทางอ้อมจากกำลังซื้อที่ดีขึ้นต่อการบริโภคโดยรวมของประเทศไทย ซึ่งเรายังไม่ได้นำ upside ของยอดขายมารวมไว้ในประมาณการของเรา การขยายสาขา ในปี 2567 HMPRO ยังคงเป้าเปิดสาขาใหม่เพิ่ม 7 สาขา (พื้นที่ขาย +8% YoY): โฮมโปร 5 สาขา และเมกาโฮม 2 สาขา โดย 3 สาขาเป็นร้านแบบไฮบริด (เปิดโฮมโปรกับเมกาโฮมในพื้นที่เดียวกัน) โดยจะเร่งขยายสาขาในช่วง 2H67 จาก 2 สาขา (ลำพูน และอุดรธานี) ใน 2Q67 เป็น 3 สาขาใน 3Q67 (หนองคาย แม่สอด และระยอง) และ 2 สาขา (ภูเก็ต และเชียงใหม่) ใน 4Q67

EBIT margin จะดีขึ้นใน 2H67 อัตรากำไรขั้นต้น มีแนวโน้มที่จะอยู่ในระดับที่ค่อนข้างทรงตัว YoY จากการมียอดขายสินค้ามาร์จิ้นสูงเพิ่มมากขึ้นทั้งจากร้านโฮมโปรและร้านเมกาโฮม (สัดส่วนยอดขายสินค้า private brand ต่อยอดขายรวมเพิ่มขึ้นเป็น 21% ทั้งจากร้านโฮมโปรและร้านเมกาโฮมในปี 2567 เทียบกับ 20.3% สำหรับร้านโฮมโปร และ 20.9% สำหรับร้านเมกาโฮม ใน 1H67 และอำนาจการต่อรองกับซัพพลายเออร์ที่มากขึ้น) ซึ่งจะช่วยชดเชยสัดส่วนยอดขายตามรูปแบบสาขาที่ดีน้อยลงจากการมียอดขายจากร้านเมกาโฮมที่ให้มาร์จิ้นต่ำเพิ่มมากขึ้น อัตราส่วนค่าใช้จ่าย SG&A/ยอดขาย คาดว่าจะลดลง YoY ด้วยค่าสาธารณูปโภคที่ลดลงตามค่าไฟที่ลดลงและการติดตั้งหลังคาโซลาร์ รวมถึงฐานสูงของค่าใช้จ่ายในการขยายสาขาในปีก่อน (เปิดสาขาใหม่ 11 สาขาในปี 2566 เทียบกับ 7 สาขาในปี 2567) และการเปิดร้านแบบไฮบริดซึ่งมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่ำกว่าร้านแบบ standalone (ใช้พื้นที่จอดรถ เคาน์เตอร์แคชเชียร์ พนักงาน outsource ร่วมกัน) เพิ่มมากขึ้น

ความเสี่ยงที่สำคัญ คือ การเปลี่ยนแปลงในกำลังซื้อ อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น และนโยบายรัฐบาลใหม่ ความเสี่ยง ESG ที่สำคัญ คือ การบริหารจัดการพลังงาน ผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืนพร้อมกับการบริหารจัดการคุณภาพ (E) แนวปฏิบัติด้านการจ้างงาน และความปลอดภัยของข้อมูล (S)

 

ท่านสามารถอ่านและดาวน์โหลดเอกสารได้จาก  HMPRO240823_T

HMPRO is now trading at the sector’s lowest valuation at 17x 2024PE (vs 23x 2024PE average for the sector), below -2S.D. at 22x over 10-year PE, pricing in low market expectations for SSS growth (-7.3% YoY in 2Q24 and -6.5% YoY in 3Q24TD). With sentiment brightening after a new government is set up, the likelihood the FY2025 budget will be approved on time and new stimulus ahead, we believe the worst for SSS is behind us. 3Q24F will be its lowest, flat YoY, with SSS contraction in 3Q24TD balanced by store and margin expansion, then rising to the year’s best in 4Q24F (up YoY and QoQ). We maintain Outperform with an end-2024 TP via DCF (WACC at 7.1% and LT growth rate at 2.5%) of B12.

SSS contraction outstripped by expansion in 2H24F. In the HomePro format, SSS shrank 7.3% YoY in 2Q24 and 6.5% YoY in 3Q24TD on: 1) weak sentiment and slow government budget disbursement; 2) road repairs (Ratchapruek branch) and store cannibalization before relocation (Bang Bua Thong and Rattanathibet branches) that sliced 1% YoY off SSS. For the rest of 2024, we expect SSS to improve, down YoY at a slower pace off last year’s normal base vs this year’s road repairs (Ratchapruek branch) at end-4Q24 and the closure of its Rattanathibet branch after the rental contract ended (relocated to Bang Bua Thong branch) at end-3Q24. The setup of a new government will also help boost SSS via improving sentiment, with the FY2025 (Oct 2024-Sep 2025) government budget likely to be approved on time plus new stimulus ahead. Newspapers report that the new government is considering stimulus such as a welfare card scheme (Bt145bn), and an urgent measure as a part of the digital wallet scheme (Bt450bn). HMPRO will benefit indirectly from better purchasing power overall, which we have not yet factored as sales upside in our forecast. Expansion. In 2024F, it continues to plan on targeted seven new stores (+8% YoY saleable area): 5 HomePro stores and two Megahome stores. Of these, three are hybrid stores (HomePro & MegaHome side by side). Store expansion will accelerate in 2H24F after adding two new stores (Lampun and Udon Thani) in 2Q24 to three in 3Q24 (Nong Khai, Mae Sot and Rayong) with two stores (Phuket and Chiang Mai) in 4Q24.

Better EBIT margin in 2H24. Gross margin will be relatively stable YoY: greater margin contribution from both HomePro and MegaHome (higher private brand sales to total sales at 21% for both HomePro and MegaHome formats in 2024 vs 20.3% for HomePro and 20.9% for MegaHome in 1H24 and more bargaining power with suppliers) will offset the less favorable format sales mix, with more from the low-margin MegaHome format. SG&A/sales is expected to fall YoY, with lower utilities expense from lower electricity cost and the installation of solar panels, and off last year’s high base on store expansion expenses (11 new stores in 2023 vs 7 in 2024) and more hybrid stores where operating costs are lower than standalone (i.e., sharing parking space, cashier counters, outsourcing).  

Key risks are changes in purchasing power, higher interest rate and new government policies. Key ESG risks are energy management, sustainable products with quality management (E), labor practices and data security (S).

Click here to read and/or download file  HMPRO240823_E
Author
InnovestX

11

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5