กลยุทธ์การลงทุนหุ้นไทยราย 2 สัปดาห์ ประจำวันที่ 13-23/08/24

ช่วงสั้นมอง SET ผันผวนระหว่างรอความชัดเจนการเมืองในประเทศและปัจจัยใหม่

• - ช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา SET ปรับลงอีก 0.77% โดยแม้สัปดาห์แรกดัชนีหุ้นไทยจะปรับตัวดีขึ้นตามตลาดโลกและมีปัจจัยบวกจากการประกาศเกณฑ์ปรับปรุงเงื่อนไขกองทุน ThaiESG ชัดเจนขึ้น ทำให้มีแรงซื้อเข้ามาในกลุ่มหุ้นที่คาดจะได้รับประโยชน์จากเม็ดเงินดังกล่าว รวมถึงการฟื้นของราคาน้ำมันหลังความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลางเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดี สัปดาห์ที่สองดัชนีหุ้นไทยพลิกปรับตัวลดลงแรงตามตลาดโลก เนื่องจากกังวลเศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย รวมถึงยังรอความชัดเจนประเด็นการเมืองในประเทศ จึงทำให้ Fund Flow ยังไหลออกจากตลาดหุ้นไทย ทั้งนี้หุ้นที่มีแรงขายนำโดย MINT BTS CRC SCC KCE TIDLOR ส่วนหุ้นที่มีแรงซื้อ นำโดย DELTA TRUE ADVANC GULF
•  
• - ช่วงสั้นมอง SET จะยังมีแนวโน้มผันผวน ระหว่างรอความชัดเจนของปัจจัยการเมืองในประเทศจากศาล รธน. เตรียมตัดสินคดีคุณสมบัติของนายกฯ เศรษฐาในวันที่ 14 ส.ค. และการเข้าสู่โค้งสุดท้ายการประกาศงบ 2Q67 ของ บจ. ไทยกลุ่ม Real Sector ซึ่งคาดจะฟื้นตัวดีขึ้น QoQ แต่ยังอ่อนแอ YoY ขณะที่ปัจจัยภายนอก อาทิ ตัวเลขเงินเฟ้อ ก.ค. ของสหรัฐที่คาดจะลดลง และการผลิตภาคอุตสาหกรรม ก.ค. ของจีนที่อ่อนแอ มองว่าได้สะท้อนความเสี่ยงไปแล้วในระดับนึงจากการปรับฐานในช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ดีมอง SET มีโอกาสฟื้นตัวหากปัจจัยการเมืองชัดเจนขึ้น (มองกรณีคุณเศรษฐาไม่ขาดคุณสมบัตินายกฯ คาด SET ฟื้นกลับไปอยู่แถว 1330 จุด แต่หากขาดคุณสมบัติคาด SET มีโอกาสปรับลงไปทดสอบ 1250 จุด) และคาดจะเริ่มเห็น Fund Flow ไหลเข้าสู่ตลาด EM มากขึ้น ซึ่งไทยมีแนวโน้มจะได้รับกระแสเงินนี้ ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 4 ธีมหลัก ดังนี้
  1)หุ้นกลุ่ม Earnings Play ซึ่งมีโมเมนตัมกำไรยังดี โดย 3Q67 คาดเติบโต YoY และ QoQ ส่วน 2H67 คาดเติบโต HoH และ YoY อีกทั้ง Valuation ไม่แพง เลือก DELTA GULF KCE TU BTG BDMS TRUE BEM
  2)นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำและต้องการสร้างกระแสเงินสดในพอร์ต แนะนำหุ้นปันผลสำหรับลงทุนระยะสั้น เลือก BCP TU OSP ซึ่งคาดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากกำไร 1H67 โดยให้ Div. Yield 2%
  3)หุ้นที่คาดได้อานิสงส์บวกจากปรับเงื่อนไขกองทุน Thai ESG ใหม่ โดยขยายวงเงินเป็น 3 แสนบาทและลดระยะเวลาถือครองเหลือ 5 ปี ซึ่งมีผลบังคับใช้แล้ว เลือก ADVANC AOT CPALL BDMS BBL KTB GULF
  4)ราคาน้ำมันดิบ Brent ฟื้นตัว จากความไม่สงบในตะวันออกกลางที่รุนแรงมากขึ้น และยังมีการโจมตีเรือบรรทุกสินค้าในทะเลแดง อีกทั้งโครงสร้างพื้นฐานน้ำมันในรัสเซียกลับมาเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา โดยประเมินกรอบราคา 80-90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งมองยังสามารถมีหุ้นน้ำมันสำหรับป้องกันความเสี่ยง (Hedging) ได้ ดังนั้นนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง จึงยังคงเลือกหุ้นน้ำมันขั้นต้นอย่าง PTTEP
•  

ผลการดำเนินงานย้อนหลัง bi-weekly portfolio Biweekly Portfolio Strategy