Keyword
Bi-Weekly Portfolio Strategy

กลยุทธ์การลงทุนหุ้นไทยราย 2 สัปดาห์ (30 ก.ค. - 9 ส.ค. 67)

By InnovestX|30 Jul 24 9:00 AM
Biweekly-Portfolio-Strategy498d559a-d71c-4495-8a6f-18bbe8f47632-20240829152053
สรุปสาระสำคัญ

กำไรสุทธิ 4Q65 ของ TOP อยู่ที่ 147 ลบ. เป็นไปตามคาด แต่ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยรายไตรมาสในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาที่ 3.3 พันลบ. ค่อนข้างมาก market GIM ที่สูงขึ้นที่ US$11/bbl ถูกหักล้างโดยขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันจำนวนมากถึง US$9.7/bbl (9.2 พันลบ.) หากตัดรายการพิเศษออกไป กำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 6.3 พันลบ. เพิ่มขึ้น 206% YoY และ 15% QoQ โดยได้แรงหนุนจาก market GIM ที่ดี กำไรสุทธิปี 2565 อยู่ที่ 3.27 หมื่นลบ. เพิ่มขึ้น 160% โดยได้แรงหนุนจาก market GRM ที่ดีขึ้นและกำไรจากการจำหน่ายเงินลงทุนใน GPSC ใน 2Q65 ในขณะที่กำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นถึง 5 เท่า สู่ 3.76 หมื่นลบ. เพราะ GIM กว้างขึ้นและปริมาณวัตถุดิบที่ป้อนเข้าสู่กระบวนการผลิตของกลุ่มเพิ่มขึ้น เราคาดว่ากำไรจากการดำเนินงานของ TOP จะอ่อนตัวลงในปี 2566 เนื่องจากค่าการกลั่นจะกลับคืนสู่ระดับปกติ แม้ว่ายังสูงกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปี เราปรับราคาเป้าหมายของ TOP ลดลงจาก 80 บาท สู่ 76 บาท หลังจากปรับประมาณการกำไรปี 2566 ลดลง โดยอิงกับ PBV 1.1 เท่า (ปี 2566)

ช่วงสั้นมอง SET ลุ้นรีบาวน์ได้แต่ยังมี Upside จำกัด ระหว่างรอปัจจัยบวกที่ชัดเจน

  • - ช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา SET พลิกปรับลง 1.86% โดยต้นสัปดาห์ก่อนดัชนีได้ปรับลงแรงจนหลุด 1300 จุดอีกครั้ง จากแรงกดดันทั้งจากปัจจัยต่างประเทศ (อาทิ การปรับฐานของหุ้นเทคโนโลยีในตลาดหุ้นโลก, กังวลเศรษฐกิจจีนอ่อนแอกดดันอุปสงค์น้ำมัน เป็นต้น) และจากปัจจัยในประเทศ (อาทิ ประเด็นการเมืองที่ยืดเยื้อยังรอความชัดเจนต่อไปในเดือน ส.ค., กลุ่มธนาคารตั้งสำรองสูงและมี NPL สูงทำให้กังวลงบ 2Q24 ของหุ้นกลุ่มอื่นๆ โดยเฉพาะกลุ่มไฟแนนซ์, ปัญหาหุ้นกู้ EA) อย่างไรก็ดีปลายสัปดาห์ก่อนดัชนีปรับขึ้นแรงจนทำให้ดัชนีกลับมายืนเหนือ 1300 จุดได้ จากมีความหวังเชิงบวกหลังคลังปรับประมาณการ GDP ไทยปีนี้เพิ่มเป็นเติบโต 2.7% จากเดิม 2.4%, GDP 2Q67 ของสหรัฐออกมาดีกว่าตลาดคาด จึงทำให้มีแรงซื้อกลับเข้ามาในหุ้นกลุ่มพลังงาน ธนาคารและอิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งมีแรงซื้อในหุ้น GULF INTUCH และ ADVANC จากปัจจัยบวกเฉพาะตัว
  •  
  • - ช่วงสั้นมอง SET มีโอกาสลุ้นรีบาวน์ได้แต่ยังมี Upside จำกัด เนื่องจากยังรอติดตามประกาศผลประกอบการ 2Q67 ของบจ. ไทยกลุ่ม Real Sector ซึ่งคาดจะฟื้นตัวดีขึ้น แต่ยังรอความชัดเจนของปัจจัยการเมืองในประเทศ ส่วนปัจจัยต่างประเทศคาดว่ามีโอกาสรีบาวน์ช่วงสั้น หลังก่อนหน้านี้มีแรงขายทำกำไรในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีออกมา ส่วนนโยบายการเงินของ FED และ BoE คาดยังมีแนวโน้มคงดอกเบี้ยเช่นเดิม และยังคงต้องติดตามผลประกอบการ 2Q67 ของ บจ. ในสหรัฐที่ยังจะออกมาซึ่งคาดแข็งแกร่ง ขณะที่เศรษฐกิจจีนที่อ่อนแอและสงครามเทคโนโลยีที่มีท่าทีรุนแรงขึ้นยังเป็นความเสี่ยงของตลาดสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ "Selective Buy" ใน 4 ธีมหลัก ดังนี้

  • 1. หุ้นกลุ่ม Earnings Play ซึ่งคาด 2Q67 กำไรจะยังเติบโตทั้ง YoY และ QoQ อีกทั้ง Valuation ยังไม่แพง เลือก MINT BEM OSP TU CPF TRUE AMATA
    2. หุ้นคาดได้อานิสงส์ Cover Short หลัง ตลท. เริ่มใช้มาตรการ Uptick ตั้งแต่ 1 ก.ค. 67 และเป็นหุ้นพื้นฐานดีมี ESG Rating ระดับ A-AAA หรืออยู่ใน Global Sustainability Index เลือก DELTA TOP BEM MINT AOT
    3. หุ้นที่คาดได้อานิสงส์บวกจากแผนปรับเงื่อนไขกองทุน Thai ESG ใหม่ โดยขยายวงเงินเป็น 3 แสนบาทและลดระยะเวลาถือครองเหลือ 5 ปี เลือก ADVANC AOT CPALL BDMS BBL KTB GULF
    4. ราคาน้ำมันดิบ Brent ฟื้นตัว แม้ความไม่สงบในตะวันออกกลางยังไม่กระจายออกในวงกว้าง แต่ยังมีการโจมตีเรือบรรทุกสินค้าในทะเลแดง และโครงสร้างพื้นฐานน้ำมันในรัสเซียกลับมาเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา โดยประเมินกรอบราคา 80-90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งมองยังสามารถมีหุ้นน้ำมันสำหรับป้องกันความเสี่ยง (Hedging) ได้ ดังนั้นนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง จึงยังคงเลือกหุ้นน้ำมันขั้นต้นอย่าง PTTEP

Biweekly Portfolio Strategy 1

ผลการดำเนินงานย้อนหลัง bi-weekly portfolioBiweekly Portfolio Strategy 2

Biweekly Portfolio Strategy 2

 

ท่าน สามารถอ่านและดาวน์โหลดเอกสารได้จาก Biweekly Portfolio Strategy 240730_T

Author
InnovestX

11

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5