จากข้อมูล ณ วันที่ 15 ส.ค. 2024 ผลประกอบการ 2Q24 ของ บจ. ใน SET 503 แห่ง (มูลค่าตลาดรวม 95.0% ของตลาด) พบว่ามีรายได้รวม (~4.48 ล้านลบ.) ขยายตัว 5.9%YoY และ 1.4%QoQ ส่วนกําไรสุทธิ (~2.53 แสนลบ.) ขยายตัว 19.7%YoY แต่หดตัว -3.6%QoQ หากไม่รวมกลุ่มพลังงาน (SET ex ENERG) พบว่า 444 บจ. (Market Cap. รวม 76.0%) พบว่ามีรายได้รวมขยายตัว 4.0%YoY และ 1.4%QoQ ส่วนกําไรสุทธิขยายตัว 7.3%YoY แต่หดตัว 6.8%QoQ • ภาพรวมกําไรสุทธิใน SET ขยายตัว YoY เป็นไตรมาสที่สี่ติดต่อกัน และ กลับมาขยายตัวเลขสองหลักอีกครังเมื่อเทียบกับ 2 ไตรมาสที่ผ่านมา
ภาพรวมผลประกอบการของ SET & mai
ผลประกอบการ 2Q24 ของ 503บจ. ใน SETกำไรขยายตัวต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่สี่: รายได้รวม (~4.48 ล้านลบ.) ขยายตัว 5.9%YoY และ 1.4%QoQ ส่วนกำไรสุทธิ (~2.53 แสนลบ.) ขยายตัว 19.7%YoY แต่หดตัว 3.6%QoQ โดยกลุ่มที่กำไรขยายตัวสูงสุด YoY นำโดย PERSON FOOD และ AGRI ขณะที่กลุ่มที่กำไรหดตัวสูงสุด YoY นำโดย PETRO IMM และ CONS ทั้งนี้ SET100 มีกำไรสุทธิขยายตัว YoY มากกว่า SET ขณะที่ SET ex ENERG ขยายตัวน้อยกว่า SET ผลประกอบการ 2Q24 ของ 141บจ. ใน SET ที่ตลาดมีคาดการณ์ส่วนใหญ่สูงกว่าคาด : รายได้รวมขยายตัวใกล้เคียงกับคาดการณ์ของตลาด ส่วนกำไรสุทธิขยายตัวสูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ ซึ่งมีปัจจัยหนุนมาจากการควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่ดี ซึ่งทำให้อัตรากำไรเพิ่มขึ้นดีกว่าคาด โดยกลุ่มที่กำไรสุทธิสูงกว่าตลาดคาด นำโดย ETRON (DELTA KCE), FOOD (CPF BTG TU) และ ENERG (PTT TOP PTTEP) ขณะที่กลุ่มที่กำไรสุทธิต่ำกว่าตลาดคาด นำโดย AUTO (AH SAT) TOURISM (MINT CENTEL) และ ICT (TRUE) ทั้งนี้ใน 141 บจ. พบว่า มี 51 บจ. กำไรสุทธิดีกว่าตลาดคาด (36.2%), 40 บจ. กำไรสุทธิต่ำกว่าตลาดคาด (28.4%) และ 50 บจ. กำไรสุทธิใกล้เคียงตลาดคาด (35.4%) ผลประกอบการ 2Q24 ของ 168 บจ. ใน mai : รายได้รวม (~4.48 หมื่นลบ.) ขยายตัว 5.1%YoY แต่หดตัว 4.8%QoQ ส่วนกำไรสุทธิ (~1.57 พันลบ.) หดตัว 4.8%YoY และ 62.4%QoQ โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่กำไรขยายตัวสูงสุด YoY นำโดย PROPCON RESOURC และ AGRO ขณะที่กลุ่มอุตสาหกรรมที่กำไรหดตัวสูงสุด YoY คือ FINCIAL CONSUMP และ SERVICE ![]()
มุมมองของเราต่อแนวโน้มผลประกอบการ 3Q24 : เรามองกลุ่ม FOOD, ETRON, HELTH และ ICT ซึ่งคาดผลประกอบการจะขยายตัว YoY, มีปัจจัยหนุนเฉพาะตัวในแต่ละอุตสาหกรรม และคาดจะได้รับผลกระทบจำกัดจากความไม่แน่นอนในประเทศ โดยเฉพาะการเมือง และต่างประเทศ เช่น ราคาพลังงาน และสถานการณ์ในตะวันออกกลาง และมีอัตราปันผล (Div. Yield 2024F) สูงกว่า 2% เชิงกลยุทธ์การลงทุน เราเลือก Top picks คือ ADVANC BDMS CPF KCE และ TU |
กดอ่านเพิ่มเติมและดาวน์โหลดเอกสารได้จากปุ่มด้านล่าง