Fed ลดดอกเบี้ย สินทรัพย์ใดน่าสะสม หลังเกิด September Effect

23 Sep 24 2:50 PM

เศรษฐกิจทั่วโลกเติบโตชะลอลงจากภาคการผลิตที่หดตัว แต่ภาคบริการยังแข็งแกร่งในภาพรวม ขณะที่การรายงานตัวเลขเศรษฐกิจทั่วโลกส่วนใหญ่ยังแย่กว่าที่ตลาดคาด

ตลาดแรงงานสหรัฐฯ ชะลอลงต่อ แต่เป็นการกลับเข้าสู่สมดุลมากขึ้น โดยอัตราการว่างงานที่อยู่เหนือระดับ 4% หลัก ๆ มาจากการเร่งตัวขึ้นของจำนวนผู้กลับเข้าสู่ตลาดแรงงาน (Reentrants & New entrants) ไม่ได้เกิดจากการเลิกจ้างงาน (Permanent & Temporary layoff) หากเทียบกับการเกิด Sahm Rule Trigger ในครั้งก่อน ๆ พบว่าระดับการเลิกจ้าง ณ ปัจจุบันยังต่ำ ทั้งนี้ ตัวเลขเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ทำให้ตลาดได้ Price In ความคาดหวังเรื่อง Fed ลดดอกเบี้ยไปเต็มที่แล้ว
การประกาศกำไรของบริษัทในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในภาพรวมยังออกมาดีกว่าคาด โดยเฉพาะกลุ่ม Magnificent 7

เรายังคงมุมมอง Neutral ต่อตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยในระยะสั้นยังขาด Positive Catalyst

บรรดานักเศรษฐศาสตร์ปรับลดคาดการณ์ GDP จีน ในปี 2024 ไม่ถึง 5% ซึ่งเป็นระดับที่รัฐบาลจีนตั้งเป้าหมาย หลังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอาจไม่มากพอ ขณะที่ความขัดแย้งทางการค้ากับสหรัฐฯอาจรุนแรงขึ้นอีก
นอกจากนี้ เศรษฐกิจจีนยังเผชิญกับความท้าทายระยะยาว ล่าสุด Bloomberg Economic ได้ปรับลดคาดการณ์ประชากรจีน จากคนรุ่นใหม่ไม่อยากแต่งงานและมีลูกมากขึ้นเนื่องจากไม่มั่นใจต่อเศรษฐกิจ
ด้าน Valuation ของตลาดหุ้นจีน ยังอยู่ในระดับถูก แต่ประมาณการกำไรหุ้น A-shares ถูกปรับลง สวนทาง All China ที่ถูกปรับขึ้นจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ผลประกอบการดี

เราเปลี่ยนคำแนะนำจาก “สะสม” เป็น “ถือ” เพื่อรอดูมาตรการกระตุ้นช่วง Golden Week

อินเดียยังคงเป็นประเทศที่มีศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจที่โดดเด่นเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ จากภาครัฐที่ใช้นโยบายขาดดุลงบประมาณอย่างต่อเนื่องเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจ เม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติที่ไหลเข้าต่อเนื่องเอื้อต่อภาคการผลิตในประเทศ รวมถึงกำลังซื้อในประเทศสูงขึ้นจากชนชั้นกลางที่เพิ่มขึ้น
ระยะยาวตลาดหุ้นอินเดียได้อานิสงส์จากการเพิ่มน้ำหนักในดัชนี MSCI Emerging Market ขณะที่ Valuation ของหุ้นอินเดียไม่เคยถูก แต่การเติบโตของกำไรคือปัจจัยขับเคลื่อนหลักของตลาดหุ้น

เรายังคงคำแนะนำทยอยสะสมกองทุน B-BHARATA

ตลาดหุ้นไทยฟื้นตัวโดดเด่นในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา หลังการเมืองในประเทศมีเสถียรภาพมากขึ้น รวมถึงความคาดหวังต่อมาตรการพยุงตลาดหุ้นจากการเปิดขายกองทุนวายุภักษ์วงเงิน 1.5 แสนล้านบาท
อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยยังเผชิญกับปัญหาเศรษฐกิจเชิงโครงสร้างในระยะยาว ซึ่งจะจำกัดการเติบโตของผลประกอบการบริษัท ด้าน Valuation ยังอยู่ในระดับถูก แต่คาดการณ์กำไรยังถูกปรับลง

เรายังคงคำแนะนำทยอยขายหุ้นไทย และ REITs ไทย