สัปดาห์นี้ตลาดหุ้นโลกฟื้นตัวในช่วงต้นสัปดาห์นำโดยหุ้นกลุ่มเทคฯ สะท้อนประเด็นข่าวรัฐบาลสหรัฐผ่อนปรนการส่งชิปจากบางประเทศพันธมิตรไปยังจีน นอกจากนั้นยังได้แรงหนุนจากถ้อยแถลงของประธานเฟด หลังประชุม FOMC ที่คงดอกเบี้ยตามคาด แต่มุมมองข้างหน้าถือว่า dovish ทำให้ตลาดคาดว่า Fed จะลดดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดไป ในเดือน ก.ย. และอาจลดถึง 3 ครั้งในปีนี้ ส่งผลให้ผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปีสหรัฐลดลงต่ำกว่า 4.0% อย่างไรก็ตามตลาดปรับตัวลงในช่วงปลายสัปดาห์หลังตัวเลขเศรษฐกิจและการจ้างงานออกมาอ่อนแอกว่าคาด นำไปสู่ความกังวลว่าการลดดอกเบี้ยในเดือน ก.ย. อาจช้าเกินไป ส่งผลให้กลุ่มธนาคารที่อ้างอิงกับการเติบโตทางเศรษฐกิจปรับลดลง ส่วนผลประกอบการของหุ้นในกลุ่มเทคฯ ส่วนใหญ่ออกมาดีกว่าคาด แต่ความกังวลกลับมาอยู่ในส่วนของการลงทุน AI ที่สูง และการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น ด้านกลุ่มที่ปรับตัวได้ดีกว่าตลาด จะอยู่ในกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากผลตอบแทนพันธบัตรที่ปรับลดลง เช่นสาธารณูปโภคและอสังหาฯ รวมถึงกลุ่ม defensive เช่นการแพทย์ปรับตัวขึ้นได้ ด้านตลาดหุ้น EM ปรับตัวขึ้นได้จากความคาดหวังรัฐบาลจีนจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม นอกจากนั้นโอกาสลดดอกเบี้ยของเฟดนำไปสู่ค่าเงินดอลลาร์ที่มีแนวโน้มอ่อนค่าลง ทำให้กระแสเงินไหลมาในหุ้นเอเชีย รวมไปถึงตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวขึ้นได้ 2.4% สอดคล้องกับมุมมองของเราที่ประเมินว่าหุ้นไทยใน 2H24 จะฟื้นในทิศทางเดียวกับหุ้นเอเชีย นอกจากนั้นความชัดเจนในส่วนของกองทุน T-ESG ทำให้มีแรงซื้อเข้ามาในกลุ่มหุ้นที่คาดจะได้รับประโยชน์จากเม็ดเงินดังกล่าว รวมถึงการฟื้นของราคาน้ำมันหลังความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลางเพิ่มขึ้น
ตลาดหุ้นโลก
สัปดาห์นี้ตลาดหุ้นโลกทรงตัว หลัง Fed ส่งสัญญาณเตรียมลดดอกเบี้ย แต่กังวลการชะลอตัวของเศรษฐกิจเพิ่มมากขึ้น ขณะที่ ธ.กลาง ญี่ปุ่น (BoJ) ขึ้นดอกเบี้ยเหนือตลาดคาดและประกาศลดทอน QE เพื่อคุมเงินเฟ้อ-ป้องกันเยนอ่อนค่า ด้าน GDP ยุโรปดีกว่าคาดจากภาคบริการ ด้านประเทศจีนการประชุม Politburo ส่งสัญญาณกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างจำกัด ขณะที่ PMI ภาคการผลิตหดตัวเป็นเดือนที่สาม
ตลาดหุ้นไทย
สัปดาห์นี้ ตลาดปรับตัวดีขึ้นตามตลาดโลก รวมถึงผลจาก (1) การประกาศเกณฑ์ปรับปรุงเงื่อนไข ThaiESG ชัดเจนขึ้น (2) คลังประกาศเริ่มลงทะเบียนเงินดิจิทัลสำหรับผู้มีสมาร์ทโฟน โดยวันแรกมีผู้ลงทะเบียน 14.4 ล้านคน ขณะที่ ธปท. มองว่าจะช่วยกระตุ้น GDP 0.3% ปีนี้ และ 0.9% ทั้งโครงการ (3) ธปท. ระบุเริ่มเห็นสัญญาณชะลอตัว ศก. ไทย จากท่องเที่ยว ส่งออก และภาคการผลิต ขณะที่ สศค. ปรับประมาณการ ศก. ปีนี้ขึ้นสู่ 2.7%
ตลาดพันธบัตร
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ปรับเพิ่มขึ้นที่ 4.24 % ขณะที่ ระยะสั้น 2 ปี ปรับลดลงมาอยู่ที่ 4.44% ทำให้ส่วนต่างดอกเบี้ย 2-10 ปี อยู่ที่ -20 bps
ผลตอบแทนพันธบัตรไทยอายุ 10 ปี ทรงตัวอยู่ที่ 2.62% ขณะที่ระยะสั้น อายุ 2 ปี ทรงตัวที่ 2.33% ขณะที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิที่
12,750 ล้านบาท
ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์
ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับตัวลดลงจากความกังวลอุปสงค์ชะลอตัว โดยเฉพาะจากประเทศจีน แต่ราคาฟื้นตัวได้บ้างในช่วงกลางสัปดาห์จากความไม่สงบในตะวันออกกลางที่เพิ่มสูงขึ้น ด้านราคาทองคำ (spot) ปรับเพิ่มขึ้นที่ 2,496.8 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์
ตลาดอัตราแลกเปลี่ยน
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (DXY) ทรงตัวที่ 104.36 จุด ขณะที่ค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้นที่ 149.51 เยน ด้านค่าเงินยูโรอ่อนลงที่ 1.08 ดอลลาร์ต่อยูโร ด้านค่าเงินเอเชีย ค่าเงินบาทแข็งขึ้นกว่า 1.8% ที่ 35.50 บาท ขณะที่เงินหยวนแข็งค่าขึ้นที่ระดับ 7.23 หยวน
กดอ่านเพิ่มเติมและดาวน์โหลดเอกสารได้จากปุ่มด้านล่าง